วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2561

องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์






องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์






องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ มี 4 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, บุคลากร, ข้อมูลและสารสนเทศ

คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ electronic device (อิเล็กทรอนิกส์ ดีไว) ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์อื่นที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับชุดคำสั่งที่เลือกมาใช้งาน ทำให้สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง

ระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 4 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, บุคลากร, ข้อมูลและสารสนเทศ




Hardware (ฮาร์ดแวร์)

1. Hardware (ฮาร์ดแวร์) 
คือ ลักษณะทางกายของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบข้าง peripheral (เพอริพีรีว) ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ดดิสก์ , เครื่องพิมพ์, ซีพียู, เมนบอร์ด, แรม, การ์ดจอ, ไดร์ฟ ดีวีดี, เคส, จอภาพ, คีบอร์ด, เมาส์ เป็นต้น

ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย
- หน่วยรับข้อมูล จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ จากนั้นหน่วยประมวลผลกลาง จะนำไปประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ที่ได้ออกมากให้ผู้ใช้รับทราบทางหน่วยแสดงผลลัพธ์
- หน่วยความจำหลัก จะทำหน้าที่เสมือนเก็บข้อมูลชั่วคราว ข้อเสียของหน่วยความจำหลักคือ หากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในหน่วยความจำหลักจะหายไป
- หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง จะไม่สูญหายตราบเท่าที่ผู้ใช้ไม่ทำการลบข้อมูลนั้น รวมทั้งหน่วยเก็บข้อมูลสำรองยังมีความจุที่สูงมาก ข้อเสียของหน่วยเก็บข้อมูลสำรองคือการเรียกใช้ข้อมูลจะช้ากว่าหน่วยความจำหลักมาก





Software (ซอฟต์แวร์)

2. Software (ซอฟต์แวร์)
 คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่สามารถทำงานใด ๆ เนื่องจากต้องมี Software (ซอฟต์แวร์) ซึ่งเป็นชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคำสั่งหรือโปรแกรมนั้นจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ Programming Language (โปรแกรมิงแลงเกท) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมี โปรแกรมเมอร์ Programmer (โปรแกรมเมอร์) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ขึ้นมา ซอฟต์แวร์ สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ คือ
- ซอฟต์แวร์ระบบ System Software (ชิสเต็ม ซอฟแวร์) โดยส่วนมากแล้วจะติดตั้งมากับเครื่องคอมพิวเตอร์เนื่องจากซอฟต์แวร์ระบบเป็นส่วนควบคุมทำงานต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถเริ่มต้นการทำงานอื่น ๆ ที่ผู้ใช้ต้องการได้ต่อไป
- ซอฟต์แวร์ประยุกต์ Application Software (แอพพลิเคชัน ชอฟแวร์) จะเป็นซอฟต์แวร์ที่เน้นในการช่วยการทำงานต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน

บุคลากร Peopleware (พิเพิลแวร์)

3. บุคลากร Peopleware (พิเพิลแวร์)
 เครื่องคอมพิวเตอร์โดยมากต้องใช้บุคลากรสั่งให้เครื่องทำงาน เรียกบุคลากรเหล่านี้ว่า ผู้ใช้ หรือ user (ยูเชอร์)


ข้อมูลและสารสนเทศ Data Information (ดาต้า อิมฟอเมชัน)

4. ข้อมูลและสารสนเทศ Data Information (ดาต้า อิมฟอเมชัน) 
ในการทำงานต่าง ๆ จะต้องมีข้อมูลเกิดขึ้นตลอดเวลา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานที่ถูกเก็บรวบรวมมาประมวลผล เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ ซึ่งในปัจจุบันมีการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาเป็นข้อมูลในการดัดแปลงข้อมูลให้ได้ประสิทธิภาพ โดยความแตกต่างระหว่าง ข้อมูล และ สารสนเทศ
สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการเก็บรวบรวมและเรียบเรียง เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้สารสนเทศที่ดี จะช่วยให้ ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องแม่นยำขึ้น และช่วยให้การประมาณการในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือยอดขายใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่จะเกิด

ขึ้นได้มากที่สุด

5 กระบวนการของคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม จะมีลักษณะการทำงานของส่วนต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กันเป็น กระบวนการ โดยมีองค์ประกอบพื้นฐานหลัก คือ หน่วยรับข้อมูลเข้า (Input) หน่วยความจำ (Memory หน่วยประมวลผลข้อมูล (Process) และหน่วยแสดงผลลัพธ์ (Output) ซึ่งมีกระบวนการขั้นตอนการทำงานดังนี้







หน่วยรับข้อมูลเข้า (Input)

เริ่มต้นด้วยการนำข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถผ่านทางอุปกรณ์ชนิดต่างๆ แล้วแต่ชนิดของข้อมูล ที่จะป้อนเข้าไป เช่น ถ้าเป็นการพิมพ์ข้อมูลจะใช้แผงแป้นพิมพ์ (Keyboard) เพื่อพิมพ์ข้อความหรือโปรแกรมเข้าเครื่องถ้าเป็นการเขียนภาพจะใช้เครื่องอ่านพิกัดภาพกราฟิก (Graphics Tablet) โดยมีปากกาชนิดพิเศษสำหรับเขียนภาพหรือถ้าเป็นการเล่นเกมก็จะมีก้านควบคุม (Joystick) สำหรับเคลื่อนตำแหน่งของการเล่นบนจอภาพ เป็นต้น

เมื่อผู้ใช้ต้องการทำงานใดๆ ก็ตามไม่ว่าจะป้อนข้อมูล เปิด-ปิดโปรแกรม การเลือกคำสั่ง การสั่งแสดงผลข้อมูล ผู้ใช้ต้องป้อนข้อมูลผ่านทางอุปกรณ์ในส่วนนำเข้า เช่นใช้เมาส์เพื่อเลือกคำสั่งในการเปิดโรแกรม หรือพิมพ์งานด้วยแป้นพิมพ์ เป็นต้น

หน่วยความจำ (Memory)

หน่วยความจำที่อยู่ในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ในการทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น เมื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ อ่านข้อมูลเข้าไปแล้ว เครื่องอ่านก็จะนำข้อมูลที่อ่านได้ไปเก็บไว้ในหน่วยความจำนี้ แล้วจะเรียกมาใช้ในเวลาที่ต้องการ ข้อความหรือข้อมูลที่นำไปเก็บไว้ในหน่วยความจำแล้วไม่ว่าจะนำมาใช้สักกี่ครั้งกี่หน ก็จะยังคงเป็นอยู่อย่างเดียว แต่ถ้าข้อมูลอื่นถูกอ่านทับเข้าไป ข้อมูลเก่าจะถูกลบไปทันที หรือถ้าไฟดับ ข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในหน่วยความจำก็จะหายไปหมดเช่นกัน คอมพิวเตอร์จะทำงานได้ดี หรือมีประสิทธิภาพมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับหน่วยความจำมากกว่าอย่างอื่น

สำหรับไมโครคอมพิวเตอร์ เราเรียกหน่วยความจำนี้ว่า ชิป (chip) ซึ่งใช้เป็นที่เก็บข้อมูล แบ่งออกได้เป็นสองประเภท คือ ประเภทอ่านได้อย่างเดียว เรียกว่า "รอม" (ROM หรือที่ย่อมาจาก read-only memory) ซึ่งเก็บคำสั่งประเภทที่เครื่องต้องปฏิบัติตามทันที เช่น ไบออส (BIOS) ข้อมูลในนั้นจะไม่มีวันลบหายแม้ว่าจะปิดเครื่อง ส่วนอีกประเภทหนึ่ง เรียกว่า "แรม" (RAM หรือที่ย่อมาจาก random access memory) หน่วยความจำแรมนี้ใช้เก็บโปรแกรมหรือแฟ้มข้อมูลที่กำลังจะใช้งาน เมื่อปิดไฟที่ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อมูลที่อยู่ในแรมจะหายไปหมด และหากเริ่มต้นเปิดเครื่องใหม่ ต้องการจะใช้โปรแกรมหรือแฟ้มข้อมูลใด ก็จะต้องบรรจุ (load) โปรแกรมหรือ แฟ้มข้อมูลนั้นมาเก็บไว้ในแรมก่อน จึงจะทำงานต่อไปได้

สำหรับไมโครคอมพิวเตอร์แล้ว ยิ่งแรมมีขนาดใหญ่เท่าใด ยิ่งแสดงว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมีประสิทธิภาพเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หน่วยความจำที่กล่าวถึงนั้นเป็นหน่วยความจำที่อยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่เรายังมีหน่วยเก็บข้อมูลที่อยู่นอกเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย หน่วยความจำนอกเครื่องนี้ เราเรียกว่า หน่วยความจำช่วย (Auxiliary memory) ซึ่งหมายถึงสื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ นั่นเอง เป็นต้นว่า จานบันทึก แถบบันทึก หน่วยความจำเหล่านี้ ไฟดับข้อมูลก็ยังอยู่

หน่วยประมวลผลข้อมูล (Process)

เมื่อนำข้อมูลเข้ามาแล้ว เครื่องจะดำเนินการกับข้อมูลตามคำสั่งที่ได้รับมา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ผู้ใช้ต้องการ การประมวลผลอาจจะมีได้หลายอย่าง เช่น นำข้อมูลมาหาผลรวม นำข้อมูลมาจัดกลุ่ม นำข้อมูลมาหาค่ามากที่สุด หรือน้อยที่สุด เป็นต้น จากนั้นจะส่งผลไปเก็บไว้ยังหน่วยความจำหลัก และให้หน่วยแสดงผลลัพธ์ต่อไป

หน่วยแสดงผลลัพธ์ (Output)

เป็นการนำผลลัพธ์จากการประมวลผลมาแสดงผล ให้ทราบทางอุปกรณ์ที่กำหนดไว้ ซึ่งข้อมูลที่แสดงออกมา อาจอยู่ในรูปแบบของรายงาน ภาพ แผนภูมิ ตาราง ซึ่งแล้วแต่ผู้ใช้จะสั่งงาน โดยทั่วไปจะแสดงผ่านทางจอภาพ หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า "จอมอนิเตอร์" (Monitor) ก่อน แล้วจึงสั่งพิมพ์ข้อมูลออกทางกระดาษโดยใช้เครื่องพิมพ์





แหล่งที่มา
  1.https://www.mindphp.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1/65-archive/4083-computer-composition.html
2.https://sites.google.com/site/compced/khxm
3. https://youtu.be/8rgTzT44Tb0

จัดทำโดย

ด.ช. ธนบดี นิยม ป 6/2 เลขที่ 7

ด.ช. กิตติพศ ปทุมสูตร ป 6/2 เลขที่ 21

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

บ่อน้ําร้อนรักษะวาริน ระนอง

Image result for บ่อน้ําร้อนรักษะวาริน



ประวัติบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน

เมืองระนองเป็นเมืองแห่งบ่อน้ำร้อน ถ้าจะมาให้ถึงระนองจริงๆ ก็ต้องมานอนแช่น้ำร้อน สำหรับบ่อน้ำร้อนของระนองที่ขึ้นชื่อที่สุดก็จะเป็น น้ำพุร้อนรักษะวาริน เป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอยู่ด้วยกัน 3 บ่อ บ่อใหญ่สุดเป็นบ่อพ่อ ถัดมาก็เป็นบ่อแม่ และ บ่อลูก ทั้ง 3 บ่อตั้งอยู่ใน สวนสาธารณะรักษะวาริน อยู่ห่างกัน 60 เมตร อุณหภูมิน้ำประมาณ 65 องศา ในน้ำประกอบด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์หลายอย่าง แต่ที่แตกต่างจากบ่อน้ำร้อนแห่งอื่นคือไม่มีสารกำมะถันเจือปนเลย

น้ำในบ่อค่อนข้างใส มีสีอมฟ้า มีสารแคลเซียมคาบอร์เนตปนอยู่ในน้ำ ซึ่งทำให้สารแขวนลอยในน้ำตกตะกอนน้ำเลยใส ถึงน้ำจะใสแต่ก็ไม่สามารถทานได้เพราะมีหินปูนอยู่ในน้ำ สังเกตได้จากขอบบ่อมีหินปูนสีเหลืองเกาะอยู่ปริมาณมาก

ชื่อ “รักษะวาริน” ของน้ำพุร้อนแห่งนี้ เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จย่า เมื่อครั้งเสด็จเยือนระนองในปี พ.ศ. 2510 อันเนื่องมาจากมีการนำน้ำแร่ไปบำบัด รักษาโรค
บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน
บ่อน้ำร้อนรักษะวารินบ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน เป็นบ่อน้ำร้อนซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินี้มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก ทั้ง 3 บ่อ มีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนแห่งนี้ได้รับการวิเคราะห์จากกรมวิทยา ศาสตร์บริการว่าประกอบด้วยแร่ธาตุ ที่สำคัญ และเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปนอยู่เลย จึงทำให้ไม่มีกลิ่นของกำมะถันและมีความบริสุทธิ์ สามารถดื่มได้จากแหล่งกำเนิด โดยไม่ต้องผ่านการกลั่นกรองใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลก นอกจากนี้ยังถือเป็นน้ำบริสุทธิ์ จึงเป็นแหล่งหนึ่ง ที่นำไปผ่าน พิธีพุทธาภิเษก ทำน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้เป็นน้ำพระพุทธมนต์ในพระราชพิธีฉลองพระชนมพรรษาครบ 5 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภายในบริเวณบ่อน้ำร้อนมีบริการอาบน้ำแร่บำบัดรักษาสุขภาพผ่อนคลาย ความเมื่อยล้า ด้วยการบำบัดจากน้ำแร่ รวมถึงบริการแช่เท้าฟรีเพื่อผ่อนคลาย นอกจากนี้บริเวณใกล้บ่อน้ำร้อนได้จัดเป็นสวนสาธารณะ "รักษะวาริน" มีศาลาที่พักและห้องอาบน้ำร้อนไว้บริการด้วย
ปัจจุบันแหล่งน้ำพุร้อนแห่งนี้เป็นแหล่งที่สำคัญที่สุดของจังหวัดระนอง เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งชุมชน และมีศักยภาพสูง ได้รับการพัฒนา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัด มีการจัดสร้างตกแต่งสวนหย่อมต่าง ๆ ไว้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน
1.บ่อพ่อ
เป็นบ่อปูนซีเมนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาบ่อน้ำร้อนทั้งสามบ่อ มีลักษณะเป็นบ่อวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางของบ่อ ขนาด 2.80 เมตร สูงจากผิวดิน 0.80 เมตร ลักษณะของน้ำร้อน น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใสมีฟองก๊าชคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่ผุดขึ้นมาจากก้นบ่อสู่ผิวน้ำ ค่อนข้างน้อย ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่ายน้ำร้อนจะไหลล้นออกนอกบ่อตลอดเวลา ทำให้บริเวณบางส่วนของปากบ่อและ ผนังบ่อน้ำ ด้านนอกมีการสะสมตัวของแร่แคลไซต์ ซึ่งเป็นแร่ที่มีขนาดผลึกละเอียดมาก แร่ชนิดนี้เป็นแร่อัลเทอร์เรชั่น ที่สำคัญชนิดหนึ่ง อุณหภูมิ ของน้ำร้อนวัดได้ 65 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดด่า วัดได้ประมาณ 8 อัตราการไหลของน้ำร้อนที่บ่อพ่อวัดได้ประมาณ 3.5 ลิตร/วินาที หรือประมาณ 12.6 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง แสดงลักษณะของบ่อน้ำพุร้อน (บ่อพ่อ) รายล้อมด้วยสวนหย่อมและพุ่มไม้
2.บ่อแม่
เป็นบ่อปูนซีเมนต์เช่นเดียวกับบ่อพ่อ แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางของบ่อขนาด 1.50 เมตร และสูงจากผิวดิน 0.85 เมตร ลักษณะของบ่อน้ำพุร้อน น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใส มีฟองก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ผุดขึ้นมาเป็นจังหวะ ๆ และมีปริมาณมากกว่า บ่อพ่อ ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่าย อุณหภูมิของน้ำร้อน วัดได้ 65 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดด่างวัดได้ประมาณ 8 มีแร่ อัลเทอร์เรชั่นเคลือบเล็กน้อยที่ด้านในของผนังบ่อ ระดับของน้ำร้อนอยู่ต่ำจากปากบ่อลงไป 0.48 เมตร ไม่สามารถวัดอัตราการไหล ของน้ำร้อนได้
3.บ่อลูกสาว
เป็นบ่อปูนซีเมนต์เช่นเดียวกัน มีเส้นผ่าศูนย์กลางของบ่อขนาด 2.00 เมตร และสูงจาก ผิวดิน 0.90 เมตร ลักษณะ ของบ่อน้ำพุร้อน (บ่อลูกสาว) น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใส มีฟองก๊าชคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ผุดขึ้นมายังผิวน้ำ มากกว่า สองบ่อแรกไม่มีกลิ่น กำมะถัน ไม่มีสาหร่าย อุณหภูมิของน้ำร้อน วัดได้ 65 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดด่าง วัดได้ประมาณ 8 มีแร่อัลเทอร์เรชั่นเคลือบเล็กน้อย ที่ด้านในของผนังบ่อ เช่นเดียวกับบ่อแม่ ระดับน้ำร้อนอยู่ต่ำจากปากบ่อลงไป 0.1 เมตร ไม่สามารถวัดอัตราการไหลของน้ำร้อนได้



จากปากบ่อมองลงไปที่ก้นบ่อ จะเห็นว่าน้ำใสมาก และมีสีฟ้าอ่อนๆ





บ่อแช่เท้าน้ำพุร้อนรักษะวาริน เป็นบ่อที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาไม่มาก ก็สามารถนั่งแช่เท้า ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หลังจากที่เดินทางมาหลายชั่วโมง




ส่วนบ่อแช่ตัวเป็นสัมปทานของเอกชน ของโรงแรมทินิดี โรงแรมประจำจังหวัดระนอง มีลักษณะเป็นบ่อกระเบื้อง บ่อสะอาด มีร่มบังแดด ค่าบริการคนละ 40 บาทเท่านั้น ถือว่าเป็นออนเซ็นราคาประหยัดไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นก็แช่ออนเซ็นได้







ถัดจากบ่อน้ำร้อนจะเป็น ลานสุขภาพ ต้องถอดรองเท้า ก่อนเข้าไปด้านใน ที่บริเวณใต้ลานมีน้ำพุร้อนไหนผ่าน ความร้อนจึงแพร่กระจายไปทั่วทั้งลานปูนในอุณหภูมิที่พอเหมาะ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เหมาะที่จะนอนให้เลือดลมสูบฉีด การนอนครั้งนึงไม่ควรเกิน 30 นาที เพราะจะทำให้เสียเหงื่อมากเกินไป



นอกจากบ่อพ่อแล้ว ก็ยังมีบ่อแม่ และ บ่อลูกสาว ซึ่งเป็นบ่อที่มีขนาดเล็กรองลงมา ตั้งอยู่ริมถนน





หลังจากแช่น้ำร้อนเสร็จถ้าเกิดหิวขึ้นมา ไม่ต้องไปไหนไกล บริเวณรอบๆ น้ำพุร้อนรักษะวาริน มีร้านอาหารอร่อยๆ ให้เลือกทานหลายร้าน




แหล่งที่มา

1 https://youtu.be/B9p1GVo5n18

2 https://www.paiduaykan.com/76_province/south/ranong/ruksavarin.html

3 https://www.emagtravel.com/archive/raksawarin-hotspring.html


ผู้จัดทำ
ด.ช. ธนบดี นิยม ป 6/2 เลขที่ 7
ด.ช. กิตติพศ ปทุมสูตร ป 6/2 เลขที่ 21